เจ้าหญิงแมรี อเดเลดแห่งแคมบริดจ์ หรือพระนามแบบเต็ม แมรี อเดเลด วิลเฮลมินา เอลิซาเบธ (อังกฤษ: Princess Mary Adelaide of Cambridge; 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2376 - 27 ตุลาคม พ.ศ. 2440) ทรงเป็นสมาชิกพระองค์หนึ่งในพระราชวงศ์อังกฤษ โดยเป็นพระราชนัดดาในสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 3 ต่อมาพระองค์ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น ดัชเชสแห่งเท็ค (Duchess of Teck) จากการอภิเษกสมรส
พระองค์เป็นพระชนนีของสมเด็จพระราชินีแมรี พระมเหสีในสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 นอกจากนั้นยังเป็นหนึ่งในบรรดาพระบรมวงศ์พระองค์แรกๆ ที่ทรงอุปถัมภ์การกุศลต่างๆ มากมาย
เจ้าหญิงแมรี อเดเลดประสูติเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2376 ณ เมืองฮาโนเวอร์ ประเทศเยอรมนี พระชนกของพระองค์คือ เจ้าชายอดอลฟัส ดยุคแห่งแคมบริดจ์ พระโอรสองค์เล็กของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 3 และ สมเด็จพระราชินีชาร์ล็อต ส่วนพระชนนีนั้นคือ ดัชเชสแห่งแคมบริดจ์ (พระอิสริยยศเดิม เจ้าหญิงออกัสตาแห่งเฮสส์-คาสเซิล) พระธิดาในเจ้าชายฟรีดริชที่ 3 ผู้ปกครองนครแห่งเฮสส์-คาสเซิล
เจ้าหญิงทรงเจริญพระชนม์ชีพในวัยเยาว์ที่เมืองฮาโนเวอร์ ซึ่งพระชนกทรงปฏิบัติพระราชภารกิจในฐานะอุปราชแทนพระปิตุลาคือ สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 4 และ สมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 4 ความโปรดปรานอาหารและแนวโน้มของการเสวยมากเกินไปทำให้ทรงมีน้ำหนักตัวเกินอย่างน่าวิตก และเป็นผลให้ในเวลาต่อมา มีพระนามเรียกเล่นว่า "แมรีอ้วน" (Fat Mary)
หลังจากการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 4 ในปี พ.ศ. 2380 เจ้าหญิงวิกตอเรียแห่งเคนต์ พระญาติชั้นที่หนึ่งของพระองค์เสวยราชสมบัติเป็นสมเด็จพระราชินีนาถแห่งสหราชอาณาจักร อย่างไรก็ตาม กฎบัตรซาลลิคได้กันมิให้สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียเสวยราชสมบัติในราชอาณาจักรฮาโนเวอร์ด้วย จึงทำให้ราชบัลลังก์ผ่านไปยังเจ้าชายเออร์เนส ออกัสตัส ดยุคแห่งคัมเบอร์แลนด์ ดังนั้นดยุคแห่งแคมบริดจ์จึงมิทรงจำเป็นต้องประทับในเมืองฮาโนเวอร์อีกต่อไป และได้เสด็จกลับกรุงลอนดอนพร้อมกับครอบครัว โดยประทับอยู่ในพระราชวังเคนซิงตัน
ในขณะที่พระชนมายุ 30 พรรษา เจ้าหญิงแมรี อเดเลดยังคงไม่ได้ทรงอภิเษกสมรส พระโฉมที่ไม่ดึงดูดใจและการขาดแคลนรายได้ก่อให้เกิดเป็นปัจจัยที่ทำให้ยังทรงครองโสด เมื่อมีพระชนมายุมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ฐานันดรศักดิ์ในเชื้อพระวงศ์ทำให้มิทรงสามารถอภิเษกสมรสกับบุคคลที่ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ได้ สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย พระญาติชั้นที่หนึ่งจึงรู้สึกเห็นพระทัยพระองค์ และทรงพยายามจัดหาคู่สมรสที่เหมาะสมให้
ในที่สุดก็ได้พบกับคู่ครองที่เหมาะสมกับเจ้าหญิงแมรี อเดเลดในราชอาณาจักรเวือร์ทเท็มแบร์ก คือ เจ้าชายฟรานซิสแห่งเท็ค พระองค์ทรงมีฐานันดรศักดิ์ต่ำกว่าเจ้าหญิง อีกทั้งเป็นพระโอรสจากการอภิเษกสมรสต่างฐานันดรศักดิ์ (morganatic marriage) และไม่มีสิทธิ์สืบราชบัลลังก์เวือร์ทเท็มแบร์ก แต่ถึงอย่างน้อยทรงเป็นฐานันดรศักดิ์ชั้นเจ้าชายและเป็นเชื้อพระวงศ์ อย่างไรก็ดี เมื่อไม่มีตัวเลือกอื่น เจ้าหญิงแมรี อเดเลดจึงทรงตัดสินพระทัยอภิเษกสมรสกับเจ้าชายฟรานซิส ทั้งสองพระองค์อภิเษกสมรสเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2409 ณ พระราชวังคิว มณฑลเซอร์เรย์
เจ้าหญิงทรงทูลขอให้พระสวามีได้รับการเลื่อนฐานันดรศักดิ์ขึ้นเป็นชั้น His Royal Highness แต่ก็ทรงได้รับการปฏิเสธจากสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย แต่กระนั้นเจ้าชายฟรานซิสยังทรงได้รับการเลื่อนฐานันดรสศักดิ์ขึ้นในชั้น His Highness ในปี พ.ศ. 2430 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองพระราชพิธีกาญจนาภิเษกของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย
ดยุคและดัชเชสแห่งเท็คทรงเลือกที่จะประทัยอยู่ในกรุงลอนดอนมากกว่าอยู่ในต่างประเทศ โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะเจ้าหญิงแมรี อเดเลดทรงเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัวเท็คแต่เพียงผู้เดียว พระองค์ทรงได้รับเงินจำนวน 5000 ปอนด์ต่อปีอันเป็นเบี้ยหวัดจากรัฐสภาเพื่อสำหรับการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ นอกจากนี้ดัชเชสแห่งแคมบริดจ์ พระชนนียังได้ประทานเงินรายได้เสริมแก่เจ้าหญิงด้วย การขอเงินทุนเพิ่มเติมจากสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียได้รับการปฏิเสธมาตลอด แต่อย่างไรก็ตาม สมเด็จพระราชินีนาถได้พระราชทานห้องชุดในพระราชวังเคนซิงตันและพระตำหนักขาวเพื่อเป็นบ้านพักชนบทให้แก่ครอบครัวเท็ค
แม้ทรงมีเงินเบี้ยหวัดพอใช้จ่าย แต่เจ้าหญิงแมรี อเดเลดทรงมีรสนิยมที่หรูหราและดำรงพระชนม์ชีพอย่างสุ่รุ่ยสุร่ายตามงานเลี้ยงสังสรรค์ พระกระยาหารและอาภรณ์ราคาแพง รวมถึงการเสด็จประพาสต่างประเทศบ่อยๆ ไม่นานหนี้สินก็เพิ่มพูนมากขึ้นและครอบครัวเท็คจำต้องเสด็จออกนอกประเทศในปี พ.ศ. 2426 เพื่อหลบหลีกเจ้าหนี้ ทั้งสองพระองค์เสด็จยังเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี และยังได้ประทับอยู่กับพระญาติในประเทศเยอรมนีและออสเตรียอีกด้วย ในช่วงแรก ทั้งสองเสด็จประพาสในพระนามว่า เคานท์และเคานท์เตสแห่งโฮเฮ็นชไตน์ แต่กระนั้น เจ้าหญิงแมรี อเดเลดทรงต้องการจะเสด็จประพาสด้วยบรรดาศักดิ์ที่สูงกว่าและทรงเปลี่ยนกลับไปใช้พระอิสริยยศเดิมของพระองค์ ซึ่งทำให้ทรงได้รับความสนใจมากขึ้นและการบริการที่ดีขึ้น
ครอบครัวเท็คเสด็จกลับจากต่างประเทศเมื่อปี พ.ศ. 2428 และยังคงประทับอยู่ที่ตำหนักขาว พระราชอุทยานริชมอนด์ดังเดิม เจ้าหญิงแมรี อเดเลดทรงเริ่มอุทิศพระวรกายให้กับพระกรณียกิจการกุศล โดยทรงเป็นองค์อุปถัภ์ขององค์กรเบอร์นาร์โด (Bernardo's) และมูลนิธิการกุศลเกี่ยวกับเด็กอื่นๆ เช่นกัน
ในปี พ.ศ. 2434 เจ้าหญิงแมรี อเดเลดทรงกระตือรือร้นที่จะให้เจ้าหญิงวิกตอเรีย แมรีแห่งเท็ค (ซึ่งทรงเป็นที่รู้จักว่า "เมย์") อภิเษกสมรสกับพระโอรสของเจ้าชายแห่งเวลส์ ต่อมาคือ สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 แต่อีกนัยหนึ่งคือ สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียทรงต้องการเจ้าสาวชาวอังกฤษสำหรับกษัตริย์ในอนาคต แต่แน่นอนว่าจะต้องมาจากลำดับชั้นและบรรพบุรุษซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ ไม่ใช่แค่หญิงสาวตระกูลผู้ดี"ระดับล่าง" พระธิดาของเจ้าหญิงแมรี อเดเลดทรงมีคุณสมบัติตรงตามความต้องการ หลังจากได้รับความเห็นชอบจากสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย เจ้าหญิงเมย์ทรงหมั้นหมายกับเจ้าชายอัลเบิร์ต วิกเตอร์ ดยุคแห่งคลาเรนซ์ รัชทายาทอันดับที่สองแห่งราชบัลลังก์อังกฤษเมื่อปี พ.ศ. 2435 การสิ้นพระชนม์ของดยุคแห่งคลาเรนซ์อีกเพียงหกสัปดาห์ต่อมาเป็นเหมือนกับหายนะอันเลวร้าย แต่อย่างไรก็ตาม สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียทรงโปรดปรานเจ้าหญิงเมย์มากและโน้มน้าวให้เจ้าชายจอร์จ ดยุคแห่งยอร์ค พระอนุชาในดยุคแห่งคลาเรนซ์และรัชทายาทในอันต่อไปแห่งราชบัลลังก์อังกฤษอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงแทน
การอภิเษกสมรสของเจ้าหญิงเมย์เข้าสู่ในลำดับชั้นสูงสุดของพระราชวงศ์ทำให้เกิดการพลิกฟื้นของโชคชะตาครั้งสำคัญของครอบครัวเท็ค ด้วยในวันหนึ่งพระธิดาจะทรงเป็นสมเด็จพระราชินี แต่โชคร้ายที่เจ้าหญิงแมรี อเดเลดมิทรงเห็นพระธิดาเป็นสมเด็จพระราชินี เนื่องจากพระองค์สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2440 ณ พระตำหนักขาว พระราชอุทยานริชมอนด์ มณฑลเซอร์เรย์ ขณะมีพระชนมายุ 62 พรรษาเศษ พระศพฝังอยู่ในห้องใต้ดินของโบสถ์เซนต์จอร์จ ปราสาทวินด์เซอร์ เมืองวินด์เซอร์
อ่านบทความฉบับสมบูรณ์ได้ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/เจ้าหญิงแมรี_อเดเลดแห่งแคมบริดจ์